
แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องทำศึกแดงเดือดกับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ต้นซีซั่นในวันจันทร์นี้
และที่สำคัญ เอริค เทน ฮาก กุนซือคนใหม่ของ ผีแดง กำลังตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักซะด้วยหลังคุมทีมเปิดซีซั่นได้อย่างเลวร้ายโดยพาทีมแพ้ทั้งสองเกมแรก
แม้ในช่วงปรีซีซั่น แมนฯ ยูไนเต็ด จะถล่ม ลิเวอร์พูล ม่อยกระรอก 4-0 ที่กทม.แต่ถึงตอนนี้ฟอร์มของ อสูรร้าย ต่างไปจากเกมอุ่นเกือกลิบลับโดยพวกเขากลับคืนสู่ฟอร์มที่ออกทะเลเหมือนก่อนอีกจนได้
เอาเป็นว่าก่อนจะไปลุ้นกันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะแพ้สามนัดรวดหรือไม่ เรามาดูผลงานของผู้จัดการทีมห้ารายก่อนหน้านี้นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือดีกว่าว่าแต่ละคนมีผลงานนัดแรกในเกมแดงเดือดดีร้ายแค่ไหน?
1.ราล์ฟ รังนิก

ลิเวอร์พูล 4- แมนฯ ยูไนเต็ด 0 (19 เม.ย.2022)
ต่อการรับบทกุนซือขัดตาทัพ รังนิก ซึ่งทำหน้าที่ก่อนหน้า เทน ฮาก ได้คุมทีมลงเล่นเกมแดงเดือดนัดเดียว และมันจบลงอย่างน่าอับอาย
ในต้นซีซั่น ผีแดง เปิดบ้านพ่าย ลิเวอร์พูล ยับเยิน 5-0 มาแล้ว และเป็นอีกหนที่ เร้ด เดวิลส์ ถูก หงส์แดง จิกยับโดยพวกเขาเสียประตูให้กับ หลุยส์ ดิอาซ , ซาดิโอ มาเน่ และ โม ซาลาห์ ซึ่งซัดได้สองเม็ด
2.โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

แมนฯ ยูไนเต็ด 0-ลิเวอร์พูล 0 (24 ก.พ.2019)
อดีตกองหน้าซูเปอร์ซับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมแบบชั่วคราวในเบื้องต้นช่วงกลางซีซั่น 2018/19 หลังจาก โชเซ่ มูรินโญ่ โดนไล่ออกเนื่องจากมีผลงานพาทีมออกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 3-0 ที่ แอนฟิลด์
อดีตนายใหญ่ คาร์ดิฟฟ์ คุมทีมลงเล่นเกมแดงเดือดนัดแรกของเขาในเดือนก.พ.และจบลงด้วยสกอร์ 0-0 ซึ่งเป็นการคว้าผลเสมอแบบไม่มีประตูนัดแรกของเขานับตั้งแต่ยึดอาชีพผู้จัดการทีม
อย่างไรก็ดี ชะตาของ โซลชา ไม่ต่างอะไรกับ มูรินโญ่ เนื่องจากเขาคุมทีมแพ้ เร้ด แมชีน ยับเยินคารัง 5-0 เมื่อเดือนต.ค.ซึ่งเพิ่มความกดดันให้กับตัวเอง กระทั่งโดนเด้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเซ่นผลงานพาทีมบุกไปแพ้ วัตฟอร์ด ขาดลอย 4-1
3.โชเซ่ มูรินโญ่

ลิเวอร์พูล 0- แมนฯ ยูไนเต็ด 0 (17ต.ค.2016)
“สเปเชี่ยล วัน” ผ่านการต่อกรกับ ลิเวอร์พูล มาอย่างโชกโชนสมัยคุมทีม เชลซี และประเดิมเกมแดงเดือดกับ ผีแดง ด้วยการพาทีมบุกไปเสมอกับ เร้ด แมชีน แบบโนสกอร์
ในเกมที่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ครองบอลแค่ 35% เท่านั้นโดยในช่วงนั้นถือเป็นตัวเลขที่ต่ำต้อยที่สุดในเกม พรีเมียร์ลีก อีกด้วยนับตั้งแต่อ็อปต้าเริ่มจดบันทึกสถิติมาตั้งแต่ปี 2003 แต่ก็แน่นอนว่ามันดีพอที่จะทำให้ ผีแดง แชร์แต้มได้ พร้อมทั้งปฏิเสธโอกาสที่ทีมคู่แค้นจะทำแต้มทาบเท่า แมนฯ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงไปในตัว
แต่อย่างที่ระบุเอาไว้ว่าหลังพาทีมมีผลงานที่เลวร้ายในซีซั่น 2018/19 และแพ้ ลิเวอร์พูล 3-1 “เฮียมู” ก็พ้นไปจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในอีกไม่กี่วันต่อมาหลังผ่านพ้นเกมที่ แอนฟิลด์
4.หลุยส์ ฟาน กัล

ไม่ต่างอะไรกับ เทน ฮาก กุนซือร่วมชาติเนื่องจาก ฟาน กัล คุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่ม ลิเวอร์พูล 3-1 ในเกมปรีซีซั่นที่ ไมอามี่ , ฟลอริด้า จากฝีเท้าของ เวย์น รูนีย์ , ฆวน มาต้า และ เจสซี่ ลินการ์ด หลังได้รับตำแหน่งนายใหญ่ ผีแดง
แน่นอนว่า เทน ฮาก หวังเดินตามรอยเท้าของ “แอลวีจี” หลังกำชัยเหนือ หงส์แดง ในเกมปรีซีซั่นเช่นกันด้วยสกอร์ 4-0 ที่เมืองไทยโดย ฟาน กัล พาทีมย้ำแค้นอริเบอร์หนึ่งได้ในเกมที่มีความหมายด้วยการเปิด โรงละครแห่งความฝัน ไล่ต้อน ลิเวอร์พูล ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส 3-0 จากลูกยิงของ รูนีย์ และ มาต้า อีกตามเคย ขณะที่อีกประตูมาจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
เท่านั้นไม่พอ นัดต่อมาที่ แอนฟิลด์ ปีศาจแดง บุกไปซิวชัยได้อีก 2-1 โดpมี มาต้า เป็นตัวแสบเหมายิงคนเดียว แถมซีซั่นต่อมากุนซือดัตช์คว้าชัยในเกมแดงเดือดได้ทั้งสองหนด้วย แต่ก็ไม่มากพอที่จะเซฟเก้าอี้ผู้จัดการทีมให้กับเขาได้จากการโดนปลดหลังจบซีซั่นโทษฐานพาทีมคว้าอันดับท็อปโฟร์ไม่สำเร็จ
5.เดวิด มอยส์

ลิเวอร์พูล 1- แมนฯ ยูไนเต็ด 0 (1 ก.ย.2013)
ถูกเลือกให้เป็นทายาทของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และกุนซือสกอตต์ออกสตาร์ตได้สวยด้วยการพาทีมคว่ำ วีแกน 2-0 ในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ก่อนเริ่มซีซั่นด้วยการบุกไปขยี้ สวอนซี จมธรณี 4-1 แต่แค่พริบตาเดียว ผลงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ถอยหลังลงคลองโดยพวกเขาเสมอกับ เชลซี แบบไร้สกอร์ในบ้านก่อนบุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 1-0 จากฝีเท้าของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
ยิ่งไปกว่านั้น ในเกมแดงเดือดนัดสองที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งรั้งอันดับหกของตารางในขณะนั้นบุกไปถูก หงส์แดง สอยยับ 3-0 จากการสังหารสองลูกโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และมี หลุยส์ ซัวเรซ ซัดปิดกล่องในช่วงท้ายเกม
ถัดมาอีกสองนัด ปีศาจแดง เฝ้าบ้านแพ้ แมนฯ ซิตี้ หายห่วง 3-0 อีกจนในที่สุด มอยส์ ก็ตกเก้าอี้ในเดือนเม.ย.ภายในเวลาไม่ถึง 12 เดือนทั้งๆที่เขาเซ็นสัญญากับสโมสรยาวนานถึงหกปี