เป็นที่มองกันว่าตระกูล เกลเซอร์ กำลังตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักเนื่องจากแฟนบอล ผีแดง รวมตัวประท้วงให้เขาขายทีมบ่อยครั้งในระยะหลัง และในเกมแดงเดือดต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในวันจันทร์นี้ สาวก เร้ด อาร์มี่ แถลงจุดยืนจัดแอนตี้เจ้าของทีมต่อเนื่องอีกรอบด้วยการรณรงค์ไม่เข้าดูเกมหมายให้เก้าอี้ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ว่างเปล่า
กระทั่งล่าสุดเมื่อ 17 ส.ค.มีรายงานข่าวเผยว่าตระกูล เกลเซอร์ คิดขายหุ้นก้อนเล็กอีกก้อนของ แมนฯ ยูไนเต็ด แลกกับเงินก้อนโตถึง 5,000 พันล้านปอนด์ (ราว 216,400 ล้านบาท) ขณะที่ เดอะ ไทม์ส เผยว่า แรทคลิฟฟ์ ซึ่งเป็นแฟนบอลทีม ผีแดง เนื่องจากเกิดในละแวกของเมือง แมนเชสเตอร์ ประกาศสนใจซื้อกิจการของสโมสรทั้งหมด ไม่ใช่แค่หุ้นก้อนเล็กเท่านั้น
“หากพวกเขาขายสโมสร จิม ก็พร้อมซื้อ” เดอะ ไทม์ส อ้างคำพูดโฆษกของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองผู้ดี
“หากมันเป็นไปได้ เราก็สนใจพูดคุยเพื่อเป็นเจ้าของในระยะยาว มันไม่ใช่เรื่องเงินที่ต้องใช้หรือไม่ใช่ จิม กำลังมองดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง และเขารู้ว่าสโมสรมีความสำคัญต่อเมือง”
ก่อนหน้านี้ ไมเคิ่ล ไนห์ตัน อดีตผู้บริหารทีม แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงความสนใจซื้อสโมสรเช่นกัน แถมระบุว่ายินดีลงขันร่วมกับ แรทคลิฟ์ เพื่อกดดันตระกูล เกลเซอร์ แต่ เดอะ ไทม์ส เผยว่า แรทคลิฟฟ์ ไม่ต้องการเนื่องจากเขาสนใจเป็นเจ้าของกิจการทุกประเภทแต่เพียงผู้เดียว
ต่อความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีวัน 69 ปี มีการเปิดเผยว่าเขาเคยมีทรัพย์สินมูลค่า 1.5 หมื่นล้านปอนด์ (ราว 649,200 ล้านบาท) จากการเป็นซีอีโอของ Ineos บริษัทเคมีภัณฑ์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมือง แมนเชสเตอร์ แต่ปัจจุบันทรัพย์สินของเขาลดลงเหลือ 6,000 ล้านปอนด์ (ราว 259,680 ล้านบาท) และอยู่ในอันดับ 27 ของมหาเศรษฐีโลกจากการจัดอันดับของนิตยสาร ฟอร์บส์ ในปี 2022
ทั้งนี้ แรทคลิฟฟ์ ต้องการเทคโอเวอร์ เชลซี ต่อจาก โรมัน อบราโมวิช เช่นกัน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จโดยเป็น ทอดด์ โบลีห์ เศรษฐีมะริกันที่ได้เป็นเจ้าของทีม สิงห์บลูส์
ถึงกระนั้น แรทคลิฟฟ์ ลงทุนในวงการกีฬามาโดยตลอดเริ่มตั้่งแต่ปี 2017 ซึ่งเขาซื้อทีม เอฟซี โลซานน์ สปอร์ต ในลีกสูงสุดของ สวิตเซอร์แลนด์ และอีกสองปีต่อมาเขาซื้อ นีซ ทีมใน ลีกเอิง ของ ฝรั่งเศส แถมให้การสนับสนุนเงินอัดฉีดต่อทีมจักรยาน สกาย อีกด้วย
