ถึงขณะนี้ เจ้าของทีม ผีแดง ชาวอเมริกันกำลังถูกแฟนบอลแอนตี้อย่างหนักเนื่องจากสโมสรออกสตาร์ตซีซั่นใหม่ได้อย่างเลวร้าย แถมยังกลายเป็นตัวตลกของตลาดนักเตะในซัมเมอร์นี้อีกต่างหากเนื่องจากติดต่อขอซื้อนักเตะนับสิบราย แต่ก็เหลวไปซะหมด
อย่างไรก็ดี แม้จะดึงดูดสตาร์ไม่ได้เหมือนยุคก่อนเนื่องจากซีซั่นนี้สโมสรไม่ได้เล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเป็นทีมลูกหนังที่มีเสน่ห์เย้ายวนต่อนักลงทุนเช่นเดิม
กระทั่งมาวันนี้ นับตั้งแต่ ไมเคิ่ล ไนท์ตัน อดีตผู้บริหารถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด แสดงความสนใจซื้อสโมสร รวมถึง เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ เศรษฐีเบอร์หนึ่งของ อังกฤษ ก็เท่ากับว่าน่าจะมีนักธุรกิจเงินหนา 4 รายที่มีกำลังทรัพย์มากพอต่อการคว้า ผีแดง ไปครอบครองได้หากเจ้าของชาวอเมริกันยินดีขายทีม
1.ไมเคิ่ล ไนท์ตัน
กลายเป็นที่รู้จักเมื่อเสนอเงินที่เป็นสถิติในยุคนั้น 20 ล้านปอนด์ขอเทคโอเวอร์ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1989 และแม้สุดท้ายจำต้องถอนตัวก่อนพ้นเส้นตายเนื่องจากนักธุรกิจที่ร่วมลงขันพากันถอยทัพ แต่มันก็ทำให้เขาได้เก้าอี้บอร์ดในทีม ผีแดง เป็นสิ่งตอบแทน
ADVERTISEMENThttps://596164e83033c7e9b5399ad3cfa44cfc.safeframe.googlesyndication.com/safeframe/1-0-38/html/container.html
และมาวันนี้ เขาพร้อมกลับมายื่นข้อเสนออีกครั้งหลังมองหากลุ่มนักลงทุนที่พร้อมควักกระเป๋าโดยมีเขาเป็นหัวขบวน
“สโมสรของเราตกอยู่ในวิกฤต และเรารู้เหตุผลดีว่าทำไม” ไนท์ตัน เอ่ยกับสื่อหมาดๆ
“เรามีเจ้าของที่ไม่รู้จักฟุตบอลเลยแม้แต่น้อย ทุกคนรู้ว่าเราต้องการเจ้าของใหม่ และมันเป็นเป้าหมายของผม”
2.เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์
มหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองผู้ดีสนใจซื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกัน และ ไนท์ตัน แบะท่าหวังดึงเขาเข้ามาร่วมเป็นกลุ่มทุน
ปัจจุบันเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล นีซ ในลีกเมืองน้ำหอม และมีหุ้นส่วนกับทีมรถแข่งสูตรหนึ่ง เมอร์เซเดส เนื่องจากเป็นเจ้าของบริษัทเคมีภัณฑ์ INEOS จึงมีกำลังเงินลงทุนกับวงการกีฬา
“แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ถูกขาย” แรทคลิฟฟ์ เคยตอบคำถามสื่อว่าทำไมไม่ยื่นข้อเสนอขอซื้อ ผีแดง
จากนั้นในปี 2019 เขาถูก เดอะ ไทม์ส ซักถามว่าสนใจซื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือไม่ซึ่งเขาตอบว่า “ตอนนี้ไม่”
“Ineos ไม่ต้องการทิ้งเงินลงในเมือง ไม่แน่นอน พวกเขาไม่มีผู้จัดการทีมที่ใช่ พวกเขาซื้อนักเตะไม่ดี พวกเขาผลาญเงินอย่างที่คุณเห็นกับนักเตะอย่าง เฟร็ด เราไม่คิดมองที่ไหนจนกว่าเราจะมีผลงานที่ดีกับ นีซ เราจำเป็นต้องประสบความสำเร็จก่อนที่คุณจะเซ็นเช็คครั้งใหญ่ มันเป็นเรื่องที่ยาก”
ทั้งนี้ แรทคลิฟฟ์ เคยยื่นซื้อ เชลซี เช่นกัน แต่ข้อเสนอของเขาถูกปฏิเสธเมื่อเดือนเม.ย.
3.กลุ่มนักลงทุนจากนิวยอร์ก
แมนฯ ยูไนเต็ด อาจเข็ดหลาบไม่นึกอยากได้เจ้าของใหม่ที่เป็นชาวอเมริกันอีก แต่จากที่ Stretty News กล่าวอ้าง กลุ่มนักลงทุนจาก นิวยอร์ค พร้อมลงขันหากว่าสถานการณ์จะมีความชัดเจนอย่างแท้จริง
อย่างที่รู้กันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในตลาดหุ้นของ อเมริกา มานานกว่าสิบปีแล้ว และนักลุงทุนในประเทศพร้อมเสียบแทนตระกูล เกลเซอร์ ทุกเมื่อเพื่อเข้าเป็นเจ้าของทีมลูกหนังในอังกฤษซึ่งอาจมีผลต่อเนื่องในการขยับขยายผลประโยชน์ไปถึงการก่อตั้ง ซูเปอร์ลีก ได้
4.มูเคช อัมบานี่
อภิอัครมหาเศรษฐีชาว อินเดีย มีตำแหน่งเป็นประธาน และกรรมการผู้จัดการของ รีไลแอนซ์ อินดรัสทรี บริษัทที่ดำเนินกิจการหลากหลายทั้งปิโตรเคมี ,ก๊าซธรรมชาติ , ค้าปลีก , โทรคมนาคม ,สื่อ และ อุตสาหกรรมสิ่งทอ จนทำให้เขามีทรัพย์สินมหาศาล 95,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.3ล้านล้านบาท)
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดอันดับสองในเอเชียรองจาก โกตัม อดานี่ วัย 60 ปีซึ่งเป็นชาว อินเดีย เช่นกัน และเป็นผู้ที่มั่งคั่งที่สุดเป็นอันดับที่ 11 ของโลกซึ่งทำให้เขาสามารถซื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างสบายชนิดที่ขนหน้าแข้งไม่ร่วง
แม้เศรษฐีจากแดนภารตะจะไม่นิยมลงทุนใน พรีเมียร์ลีก แต่ความเป็นไปได้ยังคงเปิดกว้างอยู่เนื่องจาก อัมบานี่ วัย 65 ปีได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของทีมกีฬาที่รวยที่สุดในโลกหลังซื้อทีมคริกเก็ต มุมไบ อินเดียนส์ มาครอบครองด้วยเม็ดเงิน 111 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,946 ล้านบาท) ในปี 2008 พร้อมทั้งพาทีมคว้าแชมป์ได้มากมายหลังดึงตัวดาวดังมาร่วมสังกัด
